อุปกรณ์สวมใส่เพื่อการวิจัยทางสรีรวิทยา | ตัวแปรที่วัดได้และแนวทางในการเลือกใช้
อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) ได้พัฒนาจากเครื่องมือเพื่อการติดตามสุขภาพทั่วไป ไปสู่เครื่องมือที่มีศักยภาพในการเก็บข้อมูลเชิงสรีรวิทยาและชีวกลศาสตร์ในระดับงานวิจัย ปัจจุบันมีอุปกรณ์จำนวนมากที่สามารถบันทึกสัญญาณทางชีวภาพได้ต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมจริง เอกสารที่ตีพิมพ์ในปี 2025 ทั้งด้านวิศวกรรมกีฬา ฐานข้อมูลอุปกรณ์สวมใส่ และแนวทางการเลือกใช้อุปกรณ์ทางสรีรวิทยา แสดงให้เห็นทั้งความกว้างและความลึกของข้อมูลที่อุปกรณ์เหล่านี้สามารถให้ได้
PHYSIOLOGY
RAT
9/8/2025


อุปกรณ์สวมใส่เพื่อการวิจัยทางสรีรวิทยา | ตัวแปรที่วัดได้และแนวทางในการเลือกใช้
อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) ได้พัฒนาจากเครื่องมือเพื่อการติดตามสุขภาพทั่วไป ไปสู่เครื่องมือที่มีศักยภาพในการเก็บข้อมูลเชิงสรีรวิทยาและชีวกลศาสตร์ในระดับงานวิจัย ปัจจุบันมีอุปกรณ์จำนวนมากที่สามารถบันทึกสัญญาณทางชีวภาพได้ต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมจริง เอกสารที่ตีพิมพ์ในปี 2025 ทั้งด้านวิศวกรรมกีฬา ฐานข้อมูลอุปกรณ์สวมใส่ และแนวทางการเลือกใช้อุปกรณ์ทางสรีรวิทยา แสดงให้เห็นทั้งความกว้างและความลึกของข้อมูลที่อุปกรณ์เหล่านี้สามารถให้ได้
1. อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) ในปัจจุบันวัดอะไรได้บ้าง
จากการทบทวนข้อมูลล่าสุด สามารถจัดกลุ่มตัวแปรที่อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) วัดได้ ดังนี้
1.1 สัญญาณสรีรวิทยาหลัก
Electrocardiography (ECG)
Photoplethysmography (PPG)
Impedance cardiography (ICG)
Respiration (BR)
Electrodermal activity (EDA)
Blood pressure (BP)
Heart rate (HR)
Heart rate variability (HRV)
Oxygen saturation (SpO₂)
1.2 ตัวแปรคำนวณจากสัญญาณ
Stroke volume, cardiac output, pre-ejection period
Respiratory sinus arrhythmia (RSA), baroreflex sensitivity
HRV indices (RMSSD, SDNN, HF-HRV)
BP indices (SBP, DBP, MAP)
1.3 ตัวแปรเสริม
Skin temperature
Accelerometer (steps, posture, activity level)
Gyroscope, magnetometer (movement pattern, orientation)
GPS (location, speed)
Ambient light, ambient noise
Sleep duration, fragmentation, quality
Hydration, recovery indices (รายงานบางการศึกษา)
1.4 ตัวแปรเชิงการกีฬาและชีวกลศาสตร์
Vertical jump estimation, reaction forces
Biomechanical load: knee load, hip load
Plantar pressure, vertical ground reaction forces (insoles)
Wheelchair mobility performance (rotational/linear velocity, curves, turns)
Stride length (IMU + LPS + AI)
Running surface classification (track, sand, etc.)
2. การประยุกต์ในงานวิจัยทางสรีรวิทยา
แม้อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) จะวัดได้หลากหลาย แต่สำหรับงานทางสรีรวิทยา ตัวแปรที่ใช้บ่อยและมีความสำคัญคือ
Heart rate (HR) และ Heart rate variability (HRV) ตัวชี้วัดภาระการฝึก การฟื้นตัว และการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ
Breathing rate (BR) และการระบายอากาศ (MVV) ใช้ประเมินสมรรถภาพระบบหายใจและความทนทาน
ECG waveform ข้อมูลโดยตรงสำหรับการวิเคราะห์ cardiac autonomic control และภาวะ arrhythmia
Blood pressure (BP) และ SpO₂ ประเมินการทำงานของระบบไหลเวียนและการลำเลียงออกซิเจน
Derived cardiac indices เช่น stroke volume, cardiac output, pre-ejection period ซึ่งสำคัญต่อการวิจัยทางสรีรวิทยา โดยเฉพาะด้านคลินิก และ exercise physiology
สำหรับผู้อ่านที่สนใจค้นหาข้อมูลอุปกรณ์เพิ่มเติม สามารถใช้ฐานข้อมูล SiA-WD (https://osf.io/umgvp/) ซึ่งได้รวบรวมรายละเอียดด้านตัวแปรที่วัดได้ ความถูกต้อง และการใช้งานของอุปกรณ์หลากหลายรุ่นไว้ในที่เดียว
3. หลักการเลือกอุปกรณ์สวมใส่เพื่อการวิจัย
การเลือกอุปกรณ์สวมใส่เพื่อการวิจัยทางสรีรวิทยาควรพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยอาศัยหลักการที่อ้างอิงจากงานตรวจสอบเชิงประจักษ์ สามารถสรุปได้เป็น 5 มิติหลัก ได้แก่
3.1 ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ (Accuracy & Reliability)
Accuracy ต้องผ่านการตรวจสอบกับมาตรฐานอ้างอิง (gold standard) เช่น ECG หรือ spirometry สำหรับการแพทย์ งานทบทวนล่าสุดรายงานว่าอุปกรณ์เชิงผู้บริโภคมีความแม่นยำเพียงพอในสภาวะพัก แต่จะลดลงเมื่อมีการออกแรง
Reliability ควรมีรายงานค่าความสม่ำเสมอ เช่น Intraclass Correlation Coefficient (ICC) ≥ 0.90 เพื่อยืนยันความเสถียรของการวัด ตัวอย่างเช่น งานวิจัยที่ทดสอบ textile-based sensor รายงานค่า ICC ของ HR อยู่ในช่วง 0.97–0.99 ซึ่งสะท้อนความน่าเชื่อถือในระดับสูง
3.2 การเข้าถึงและคุณภาพข้อมูล (Data Access & Quality)
งานวิจัยต้องการเข้าถึงข้อมูลดิบ (raw signal data เช่น ECG waveform, respiration trace นอกเหนือไปจากค่าที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
ข้อมูลควรถูกส่งออกในรูปแบบมาตรฐาน เช่น CSV หรือ EDF เพื่อความสะดวกในการนำไปวิเคราะห์ต่อ
อุปกรณ์ที่ไม่เปิดเผยอัลกอริทึมการคำนวณ HRV หรือ BR หรือตัวแปรอื่นๆ จะมีข้อจำกัดเมื่อนำไปใช้ตีพิมพ์ในวารสาร
3.3 ความเหมาะสมในการใช้งาน (Usability & Feasibility)
ความสะบายในการสวมใส่ ต้องสวมใส่ได้โดยไม่รบกวนกิจวัตรประจำวัน เพื่อลด dropout ของผู้เข้าร่วม
ระยะเวลาในการทำงานของแบตเตอรี่ ต้องสอดคล้องกับ protocol ตัวอย่างเช่น การติดตาม HRV ต่อเนื่อง 7 วัน จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ที่รองรับการเก็บข้อมูลได้ตลอดช่วง
รูปแบบของอุปกรณ์ ควรเลือกให้เหมาะกับกิจกรรม เช่น สายรัดข้อมือสำหรับการติดตามกิจวัตรประจำวัน หรือสายคาดอก และเสื้อผ้า สำหรับงานวิจัยทางสรีรวิทยาที่ต้องการสัญญาณที่วัดโดยตรง
3.4 มาตรฐานและความทนทาน (Technical & Regulatory Criteria)
หากเป็นการใช้ในงานคลินิก อุปกรณ์ควรมีการรับรองจาก CE/FDA เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและรองรับข้อกำหนดด้านจริยธรรมการวิจัย
หากใช้ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความชื้น อุปกรณ์ต้องมีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ หรือสามารถซักทำความสะอาดได้
ต้องพิจารณาต้นทุนรวม ทั้งค่าอุปกรณ์ ค่าสมาชิก และซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล
3.5 ความสอดคล้องกับโจทย์วิจัย (Research Fit)
การเลือกอุปกรณ์ควรเริ่มจากโจทย์วิจัยที่ชัดเจน เพื่อให้อุปกรณ์ที่เลือกสามารถตอบสนองเป้าหมายการศึกษาได้อย่างเหมาะสม
Consumer wearables เหมาะกับการติดตามเชิงประชากร (population-based monitoring) หรือการศึกษาระดับกว้างที่เน้นความสะดวกในการใช้งาน (usability) ตัวอย่างเช่น Mayo Practical Guide (2025) ระบุว่าอุปกรณ์ประเภท wrist-based และ ring-based มักมีอัตราการยอมรับการใช้งานสูง แต่ก็มีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลดิบ (raw data)
Research-grade wearables เหมาะกับ physiology research ที่ต้องการสัญญาณละเอียดและ raw data โดยฐานข้อมูล SiA-WD แสดงว่าอุปกรณ์หลายรุ่นมีการเปิดข้อมูลครบถ้วน รวมถึงรายงานการตรวจสอบ reliability (เช่น ICC ≥ 0.90 สำหรับ HR และ BR)
งานบรรณาธิการใน Sports Engineering (2025) ยังย้ำว่าการเลือกอุปกรณ์ต้องขึ้นกับบริบทของงานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ performance หรือ physiology
สรุป
Wearable devices ในปัจจุบันสามารถวัดสัญญาณทางสรีรวิทยาได้หลากหลาย ตั้งแต่ HR, HRV, BR, ECG, BP, SpO₂ ไปจนถึงตัวแปรที่ซับซ้อน เช่น cardiac output หรือ baroreflex sensitivity นอกจากนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลด้าน biomechanics, sleep และ environmental context สำหรับงานวิจัยแบบสหวิทยาการ
การเลือกใช้อุปกรณ์ควรอิงหลักการ accuracy, data access, usability, regulatory criteria และ research fit โดยใช้คำถามวิจัยเป็นตัวกำหนดชนิดอุปกรณ์ ตารางเปรียบเทียบ consumer และ research-grade แสดงให้เห็นข้อแลกเปลี่ยน (trade-off) ที่นักวิจัยต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเป้าหมายทางวิชาการ
เอกสารอ้างอิง (References)
Bartlett, R. (2025). Editorial: Sports Engineering in 2025. Sports Engineering. https://doi.org/10.1007/s12283-025-00485-9
Smets, E., et al. (2025). SiA Wearables Database (SiA-WD): An overview of wearable sensors for physiological monitoring. Behavior Research Methods. https://doi.org/10.3758/s13428-025-02685-4
หมายเหตุ: SiA-WD สามารถเข้าถึงได้เพิ่มเติมผ่านฐานข้อมูลของสำนักพิมพ์ Springer และเว็บไซต์ฐานข้อมูลทางการของโครงการ SiA-WD (https://osf.io/umgvp/).Mayo Clinic. (2025). Practical guide to evaluating wearable devices for physiological research. Journal of Clinical and Translational Science. https://doi.org/10.1016/j.jctsi.2025.01.009